ผู้เขียน:Tussarin 2U
ติดต่อ:tuss2555@gmail.com
-----------------------------------------------------------
เที่ยว 3 วัน * ฟูจิ - อาซากุสะ - โอไดบะ - คาวาซุ - ไปเองคุ้มค่าจริง
..หลังจากที่ตามเก็บข้อมูลจากพันทิปมาเยอะวันนี้ขอแชร์ข้อมูลบ้างนะคะ
หลายคนคงจะเป็นเหมือนกันที่คิด..อยากไปเที่ยวญี่ปุ่นแล้วตัดสินใจยากมากกกก..ว่าไปเองหรือไปทัวร์ดี แน่นอนว่ามันดีคนละแบบ สำหรับเหตุผลที่เราตัดสินใจไปเองคือ
1. ทัวร์ราคา 27,900.- มักจะค้างที่นาริตะ ถึง 2 คืน
2. มีวันที่ต้องเที่ยวเอง ต้องจ่ายค่าเดินทางเพิ่ม เช่น ค่ารถไฟเข้าเมือง
3. อาหารทั้งทริปต้องจ่ายเองมากกว่า 2 มื้อ
4. ต้องจ่ายทิปไกด์ประมาณทริปละ 3000 เยน
5. ราคาอยู่ที่ 30,000 บาท แต่ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายส่วนตัว และไม่มีราคาเด็ก
7. งบ 30,000 บาทเราควรใช้ไปกับความพอใจ
เมื่อตัดสินใจ..ว่าไปเอง ก็ต้องทำการบ้านเตรียมข้อมูลให้พร้อมที่สุดค่ะ
1. อ่านข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวของญี่ปุ่น
2. ผู้ร่วมเดินทางของเรามีทั้งคุณตา อายุ 65 ปี และเด็กสุดอายุ 3 ขวบ ไม่ขอเลือกหิมะตก
3. ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2559 ก็ลองดูราคาตั๋ว ราคาที่พอใจอยู่ที่ 12,240 บาท (เดินทาง 13-16 กุมภาพันธ์ 2560 /Air-Asia X)
กรุงเทพฯ - ดอนเมือง (DMK)->โตเกียว – นาริตะ (NRT)
**จุดนี้เราพลาดได้ตั๋วแพงเพราะจองวันศุกร์ จองไปแล้วนึกได้มาลองดูวันจันทร์ถัดมาราคาถูกกว่า 2,000 บาทเลยนะคะ * 7 คนก็ 14,000 บาท
***ถ้าจองตั๋วพร้อมค่าโหลดกระเป๋า จะได้ราคา 700 บาท/20 กก. ตอนจองตั๋วเราไม่แน่ใจเรื่องเสื้อผ้าที่ต้องเตรียมเลยยังไม่เลือกโหลดกระเป๋า
หลังจากดูข้อมูลแล้ว ต้องใส่ลองจอน ไหมพรม โค้ช ผู้ใหญ่ 5 คน เด็ก 2 คน เราโหลดกระเป๋าเพิ่ม 20 กก.x4
จากการคาดเดาว่ากระเป๋า 4 ใบคงพอ (โหลดเพิ่มหลังจองตั๋วจะมีเป็น 20 กก./800 บาท รวมก็ 6,440 บาท)
*ไปเป็นกลุ่มโหลดน้ำหนักรวมได้ค่ะ กระเป๋าใบใหญ่ ขนาดประมาณ 10x24 นิ้ว ก็แค่ 16 กก. สรุปไปกลับ กระเป๋าทั้ง 4 ใบ ก็ไม่เกิน 60 กก.
แอบเสียดายค่าโหลดกระเป๋าที่จ่ายเกินไป 1,600 บาท ค่ะ
4. หลังจากจองตั๋ว ก็อ่านรีวิวในพันทิปมากกว่า 10 รีวิว จากบล๊อกอื่นๆ อ่านไปเรื่อยๆ เพื่อเก็บข้อมูล
ยังไงก็ยังงงกับรถไฟที่เยอะมากกก ก็อ่านไปเรื่อย ถามเพื่อนบ้าง
โทรถามองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่นบ้าง (http://www.jnto.or.th || Tel: 02 261 3525-6)
5. อ่านเก็บข้อมูลพอสมควรก็กำหนดการเที่ยวหลักๆค่ะ
**ไปครั้งแรกอยากไปโตเกียว ไปให้เห็นภูเขาไฟฟูจิ แล้วก็ได้ชมซากุระ
ในเดือนกุมภาพันธ์สามารถชมซากุระที่บานก่อนเมืองอื่นได้ที่คาวาซุ จัดงานประมาณ 10 ก.พ.-10 มี.ค. ของทุกปี
*วันแรกเดินทางถึงประมาณหนึ่งทุ่มเวลาญี่ปุ่น (ไปจริงขาไปถึงเร็ว แค่ 5 ชม.กว่าๆ ขากลับ ประมาณ 8 ชม.เนื่องจากสภาพอากาศไม่ดี)
6. กำหนดไว้ว่า
- วันแรกเที่ยว Kawaguchigo
- วันที่สองเที่ยว Odaiba-Asakusa
- วันที่สามเที่ยว Kawazu
7. เลือกพักย่าน
Shinjuku 2 คืน เพราะเห็นว่าเป็นย่านที่เดินทางสะดวกมีแหล่งกิน ช้อป
- จองแบบเรียวกัง Hanabi Hotel (จองจ่ายทันทีผ่าน agoda) นอนรวมกันอุ่นใจดี ที่พักสะอาด กว้างพอ ใกล้สถานีรถไฟชินโอคุบุ
Shimoda 1 คืน (จริงๆ ที่พักคาวาซุก็เยอะแต่จองช้า เต็มหมดก่อน)
- เป็นบ้านที่น่ารัก ชื่อ Mcmill House (จองแล้วจ่ายเมื่อเข้าพัก) วิวพระอาทิตย์สวยงาม เจ้าของก็บริการดี
**สำหรับการจองที่พักเราจะได้รับการยืนยันการเว็บที่เราจองถ้าจะติดต่อโรงแรมต้องโทร. โรงแรมไม่ตอบเมล์
การโทรเป็นปัญหาสำหรับเราค่ะเพราะ ภาษาอังกฤษไม่ดี ภาษาญี่ปุ่นพูดไม่ได้เลย
จะให้เพื่อนที่อยู่ญี่ปุ่นโทรยืนยันกับโรงแรมเพื่อนบอกว่าไม่ต้องยืนยันแค่ไม่ไปพักให้ยกเลิกแค่นั้น
**การจองต้องอ่านข้อตกลงให้ดีค่ะ เช่น ห้องไม่สูบบุหรี่ ห้องพักให้เด็กพักได้ ยกเลิกฟรีก่อนถึงวันพัก 7-15 วัน
8. หลังจากจองที่พักก็อ่านรีวิวต่อค่ะ อ่านจนเหมือนไปญี่ปุ่นไปแล้ว อ่านจนพอมองออกว่าต้องเดินทางยังไง ใช้ hyperdia ง่ายๆ แค่จำชื่อสถานีมาจากรีวิว
จะใช้ google map ช่วยในการคำนวนเวลา เพื่อกำหนดการเดินทางที่ทำให้เราเดินทางง่าย กว่าจะกำหนดการเดินทางได้ก็กลางเดือนมกราคม 2560 ก่อนเดินทางประมาณ หนึ่งเดือนค่ะ
**ลองดูตามภาพนะคะเผื่อเป็นแผนที่สนใจ
9. พอกำหนดแผนการเดินทางออกมาเป็นตารางได้ก็อุ่นใจแล้วค่ะ เวลาที่เหลือก็เตรียมเรื่องการกรอกใบ ตม. ใบศุลกากร การเลือกร้านซื้อของที่ปลอดภาษี
(ร้านค้าที่นาริตะ ซื้อของฝาก 5400 เยนจะไม่คิดภาษี เตรียมพาสปอร์ตให้พนักงานเย็บบิลติดไว้ พวกของเล่นเด็กที่ซื้อร้านที่บวกภาษีก็แพ็คกกระเป๋าโหลดเลยค่ะ)
**ขอบอกค่ะว่า ของกินเล่น ขนม ที่จะซื้อเป็นของฝาก เราสามารถซื้อแล้วหิ้วขึ้นเครื่องได้เลย ร้านอยู่ก่อนถึงทางออกขึ้นเครื่องบิน
คือผ่านขั้นตอนไรมาหมดแล้วเหลือแค่ขึ้นเครื่อง ไม่ต้องหิ้วไกลค่ะ บางอย่างถูกกว่าจุดที่เราเที่ยวอีก
10. การเดินทางครั้งนี้ได้เตรียมทำใบขับขี่ระหว่างประเทศไว้ด้วยค่ะ ถ้าอากาศเป็นใจจะเช่ารถขับเที่ยวรอบ Kawaguchigo
ทำใบขับขี่ก็ไม่ยากค่ะดูขอมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.dlt.go.th/th/driving-license/view.php?_did=90
*ขับรถไม่ยาก รอบๆฟูจิไม่มีทางด่วน รถไม่เยอะ ขับรถเองทำให้การเดินทางเราง่ายขึ้น ทำเวลาได้
*จองรถผ่านเว็บ https://rent.toyota.co.jp/th กรอกข้อมูลไม่เยอะ เมื่อถึงสถานี kawaguchigo เดินออกจากสถานีเลี้ยวขวา เดินขวาไม่กี่ร้อยเมตร ซ้ายมือจะมองเห็นปั้มน้ำมันและร้านเช่ารถโตโยต้าอยู่ติดกัน
11. เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องมากๆ (ต้องขอบคุณ) ค่ะ
- http://www.jnto.or.th
- http://www.hyperdia.com
- http://www.japan-guide.com/
**http://www.japan-guide.com > คลิกที่ See More...> คลิกที่ภาพ cherry blossom > เลื่อนไปจนเจอ Izu Peninsula คลิกที่ Kawazu ท้ายเพจจะมีลิงค์ Kawazu Cherry Blossom Festival เป็นเว็บ http://www.kawazuzakura.net/ มี SAKURA BLOG จะมีคนคอยอัพเดทภาพต้นซากุระให้เราดูค่ะ โพสต์สุดท้ายที่เห็นวันที่ 10 มีนาคม 2560 ต้นซากุระเต็มไปด้วยใบสีเขียวอ่อน ซึ่งก่อนเดินทางเราจะส่องซากุระทุกวันจากเว็บนี้ มันตื่นเต้นมากค่ะ..คริๆ
- https://www.google.co.th/maps
- https://pantip.com
- https://rent.toyota.co.jp/th/
12. ติดตามพยากรณ์อากาศทุกวันจากเว็บ http://www.jnto.go.jp/weather/tha/index.php
13. การเดินทางครั้งนี้ใช้ JR Tokyo wide pass 3 วัน ผู้ใหญ่ 10,000 เยน/ เด็ก 5,000 เยน/ เด็ก 3 ขวบนั่งตักได้ฟรี ค่ะ
**ตามแผน เรามีนั่ง shinkansen จาก Tokyo ไป Atami ซึ่งไม่รวมใน pass ต้องซื้อแยก การเดินทางของเราก็ถือว่านั่งรถไฟตามราคา pass แต่มันสะดวกที่เราไม่ต้องคอยซื้อแยก
14. ลงจากเครื่องเดินตามป้ายรูปกระเป๋าไปเรื่อยๆ (เดินไปไม่ไกลก็มีรถมารับฟรีด้วยนะคะ สำหรับคนแก่/แม่และเด็ก) ก่อนผ่าน ตม.ก็จะมีเจ้าหน้าที่คอยจัดคน คนญี่ปุ่นโซนซ้าย คนต่างชาติโซนขวา *ตม.ไม่น่ากลัว ผ่านสบายๆ ที่เดินทางมาพร้อมๆ กัน ก็ผ่านกันหมด ผ่านแล้วก็เดินมารับกระเป๋า
15. รับกระเป๋าแล้วก็ผ่านการตรวจนิดหน่อย ตามป้าย exit เดินไปไกลก็จะเริ่มเห็นที่ขายตั๋ว JR East อยู่ทางซ้ายมือ ซื้อตั๋วง่ายๆ ส่งตัวแทนถือพาสปอร์ตของทุกคนไปซื้อ ไม่ต้องกรอกแบบฟอร์มอะไร
16. ซื้อตั๋วแล้วก็มีเวลาเข้าห้องน้ำ หาไรกิน ก่อนเดินทางเข้าชินจูกุ
17. สำหรับการต่อรถไฟ ดูหมายเลขรถไฟ ดูได้จาก hyperdia ถ้าไม่แน่ใจก็ถามได้ ภาษาไม่ดี เท่าที่เจอคนญี่ปุ่นน่ารักยินดีช่วยเหลือเราดีค่ะ
18. เราค่อนข้างเตรียมข้อมูลเยอะ และมั่นใจเรื่องของหายแล้วได้คืน มั่นใจในความปลอดภัย แต่พลาดที่เราลืมกระเป๋ายา/นมเด็กๆ ตารางการเดินทาง แผนที่ นั่นนี่ไว้บน N'ex เราตามแค่กับเคาน์เตอร์ JR ไม่เจอเลย เราไม่ได้แจ้งความ (ยังไงจุดนี้ก็ควรเผื่อไว้ค่ะ ของหายแจ้งความที่ป้อมตำรวจตามแยกถนน เผื่อมีการติดต่อกลับ ซึ่งเพื่อนบอกว่าคนญี่ปุ่นน่ะได้คืนแน่ๆ แต่ N'ex เป็นรถที่ส่วนใหญ่ต่างชาตินั่ง สรุปไม่ได้คืน) **ดีว่าซ้อมใช้ hyperdia ไว้เยอะ ไฟล์การเดินทางก็มีในมือถือ เน็ตก็เช่า Pocket WIFI วันละ 160 บาท (Japanwifi)ไปจากไทย เน็ตแรงทุกที่ที่ไปเชื่อมต่อไม่ได้แค่เวลารถไฟลอดอุโมงค์ เน็ตช่วยให้เราเดินทางได้ไม่หลง แม้กระทั่งเวลาเดินเล่น เดินช้อป
ตามไปดูภาพที่นำมาฝากค่ะ
วิวจากหน้าต่างรถไฟ
หมู่บ้านน้ำใส
ขับรถออกจากหมู่บ้านน้ำใสจะไปฟูจิเท็น อันนี้แวะระหว่างทางค่ะ ชอบกันใหญ่
รถไฟเด็ก..ผู้ใหญ่ก็ชอบนะ
ปูร้าน Kani Doraku @Shinjuku
ฝากกระเป๋าที่สถานีรถไฟ
สะพานสายรุ้ง Rainbow Bridge ตอนสายๆ
วิวใกล้ทางลงไปสถานีรถไฟใต้ดิน
ชินคังเซ็น
วิวที่ MCMill House
ทะเลที่ kawazu
และซากุระที่ตามหา kawazu cherry blossom
สุดท้ายเป็นค่าใช้จ่ายของทริปนี้ค่ะ
ขอบคุณทุกรีวิวจากพันทิปที่ทำให้ทริปของเราเป็นจริง...ขอบคุณทุกท่านที่ตามอ่านและหวังว่าคงเป็นประโยชน์บ้างนะคะ